Daily Archives: 04/07/2017

รูปแบบฐานในลงทุนทำ serviced apartment Sathorn ขนาดเล็กให้คุ้ม

ใครที่พอจะมีที่ดินแปลงเล็กๆ ขนาดซัก 100 ตารางวา แต่ไม่เกิน 1 ไร่ อาจจะคิดว่าจะทำอพาร์ทเม้นท์ได้หรือเปล่า จะคุ้มค่าที่จะลงทุนทำหรือไม่ แต่จริงๆ แล้วแล้วเราสามารถทำอพาร์ทเม้นท์ขนาดย่อมให้ดี มีศักยภาพ และคุ้มได้เช่นกัน ลองมาดูแนวทางในการทำ serviced apartment Sathorn ขนาดย่อมให้ประสบความสำเร็จดู

  1. วิเคราะห์เนื้อที่โดยรอบของที่ดินที่เราจะทำอพาร์ทเม้นท์ ควรอยู่ใกล้แหล่งความสะดวกสบาย ได้แก่ ร้านขายของชำ ร้านซักรีด ร้านกาแฟ โดยควรยั้งคิดว่าทำเลที่เราจะทำอพาร์ทเม้นท์นั้นเรามุ่ง จับกลุ่มผู้ซื้อแบบใด คนทำงาน บุคลากรบริษัท บุคลากรโรงงานอุตสาหกรรม หรือนักศึกษา และสร้างอพาร์ทเม้นท์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายที่เราพึงประสงค์ให้เข้ามาเช่าอพาร์ทเม้นท์ของเรา
  2. สำรวจชัยภูมิหน้าโครงการของเรา เช่น ถนนหน้าโครงการควรมีขนาดตั้งแต่ 6 เมตรขึ้นไป เพื่อความปลอดภัยในการเข้าออก และส่วนสูงของตึกต้องกำหนดให้ชัดเจนตามกฏหมายที่ระบุไว้ในแต่ละพื้นถิ่น
  3. ศึกษามาตราฐานดั้งเดิมด้วยการทำอพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็ก ดังต่อไปนี้

– รูปร่างที่ดินควรเป็นทรงสี่เหลี่ยม

– ขนาดชั้นของอพาร์ทเม้นท์ หากไม่เกิน 5 ชั้น ไม่จำเป็นต้องมีลิฟต์ก็ได้ครับ

– ขนาดของห้องสำหรับอพาร์ทเม้นท์ขนาดเล็กควรมีขนาดเฉลี่ย 20 ตรม.ขึ้นไป รวมห้องน้ำ แต่ไม่รวมระเบียง

– การทำผ้าเพดาน ถ้าเป็นผ้าเปลือยจะลดเงินลงทุน และตรวจตราง่ายกว่าผ้าเพดานปิด

– ควรมีระบบความปลอดภัย คีย์การ์ด และระบบอำนวยความคล่อง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น เคเบิล ทีวี ขึ้นอยู่กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราครับ

  1. คำนึงถึงระยะคุ้มทุน อย่างเร็วคือ 5 ปี หรืออย่างช้าไม่ควรเกิน 7-9 ปี
  2. คำนวนค่าก่อสร้างโรงเรือน ราคาที่เหมาะสมไม่ควรเกิน ตรม.ละ 10,000 บาท
  3. คำนวนค่าออกแบบตึก ควรระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ของการก่อประกอบการพิจารณาลงทุน
  4. การเว้นระยะรอบอาคาร ควรเว้นรอบประมาณ 2 เมตร และไม่ควรมีช่วงเปิด
  5. ควรใส่ใจการบริหารงาน และการบริการซึ่งเป็น “หัวใจ” ของการทำอพาร์ทเม้นท์ที่ดี เพราะหากเรามุ่งหมายลงทุนระยะยาว แล้วเราไม่ใส่ใจลูกค้าจะทำให้เสียชื่อเสียงได้ครับ

วิถีทางดังกล่าวไม่ใช่รูปแบบตายตัวนะครับ การปรับเปลี่ยนแนวทางของแต่ละท่านควรพิจารณาให้ควรกับสถานะการณ์ และสถานที่ กลุ่มลูกค้าของท่านเพื่อการลงทุนในอพาร์ทเม้นท์ที่คุ้มค่า และมีพลังสูงสุดครับ

 

จะเกิดอะไรขึ้นหากได้รับ DHC วิตามินอีบ่อยเกิน ไป

วิตามินอี หรือ โทโคเฟอรอล (tocopherol) เป็นวิตามินแบบหนึ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับเป็นประจำทุกวัน มีประเภทเป็นน้ำมันสีเหลือง พร้อมด้วยละลายได้ดีในไขมัน เช่นเดียวกับวิตามินเอ วิตามินดี กับวิตามินเค วิตามินอี มีหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น แอลฟา เบตา แกมมา และซิกมา โทโคเฟอรอล โดยอย่างที่ออกฤทธิ์ได้เยี่ยม คือ แอลฟาโทโคเฟอรอล (alpha-tocopherol)

วิตามินเป็นสารอินทรีย์ที่มีอยู่ในอาหารที่จำเป็นเพราะร่างกายคนเราอย่างยิ่ง ช่วยให้ร่างกายทำงานอย่างมีความสามารถและต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้

เนื่องแต่  DHC  วิตามินอีไม่สามารถหายไปในน้ำได้ ร่างกายจึงไม่สามารถขับวิตามินอีออกจากร่างกายได้ทาง ปัสสาวะดังเช่นวิตามินซี หรือวิตามินบี โดยร่างกายจะขับวิตามินอีส่วนเกินบางส่วนออกมาทางอุจจาระ ดังนั้นหากรับประทานวิตามินอีมากเกินไปจะสะสมในร่างกาย นำผลเสียคือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ไปจนถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงแนะนำว่าไม่ควรทานเครื่องกินเสริมแบบวิตามินอีเกินการกว่า 1,500 IU ต่อวัน

อาหารแบบใดบ้างที่เป็นแหล่งของวิตามินอี?

แหล่งอาหารที่มีวิตามินอีอยู่ในปริมาณสูง ได้แก่ นม ไข่ ถั่ว ปลา เนื้อสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ น้ำมันพืชต่างๆ ผักที่กินใบ เช่น ผักกาดหอม ผักโขม เป็นต้น ถึงแม้ว่าวิตามินอีจะค่อนข้างทนต่อความร้อนและไม่ละลายในน้ำก็ตาม แต่การประกอบกระยาหารที่ใช้ความร้อนสูงๆ เช่น การทอด รวมทั้งการเหม็นหืนของน้ำมันก็อาจทำให้วิตามินอีสูญเสีย สภาวะไปได้